เครือข่าย Ethereum ทำพิษ! คาสิโนออนไนล์ KingTiger เลือกที่จะปิดบริการลงชั่วคราว ลั่น! ไม่ทำงานจนกว่าจะได้รับโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ ทั้งนี้ได้แจ้งให้ทราบเหตุผลว่าเกิดจากปัญหาความแออัดของเครือข่าย Ethereum
โดยเว็บไซต์บริษัท ได้แถลงออกมา ว่าเป็นการยาก ที่จะรันตัวเกมต่างๆ บนเครือข่ายที่แออัดในปัจจุบันของ Ehereum เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย ทางคาสิโนออนไลน์ KingTiger จึงเลือกแก้ปัญหาโดยการปิดตัวลงชั่วคราวก่อน ทางคาสิโนออนไลน์ KingTiger กำลังค้นหาทางแก้ปัญหา ทางเลือกอื่นๆ เพื่อรองรับเกมใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติขั้นสูงในขณะนี้
แม้ปัจจุบันทางคาสิโนออนไลน์ KingTiger ปิดบริการอยู่แต่ก็แจ้งให้ทราบว่าสมาชิกผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์ได้โดยเจ้าของคาสิโนออนไลน์ KingTiger ซึ่งก็คือ Funfair Technologies ได้อนุญาตให้สมาชิกผู้ใช้งานนั้นสามารถสร้างบัญชีใช้งานขึ้นใหม่ได้อีกด้วย
ทางคาสิโนออนไลน์ KingTiger กล่าวว่า การปิดให้บริการชั่วคราวในครั้งนี้ไม่ใช่การคุมขังกระเป๋าเงินออนไลน์สมาชิกผู้ใช้งาน สมาชิกผู้ใช้งานทุกคนสามารถจัดการและควบคุมทรัพย์สินของตนได้เช่นเดิม โดยแสดงความเชื่อมั่น ด้วยการการันตี รับรองสมาชิกผู้ใช้งานว่าสามารถเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเงินออนไลน์ส่วนตัวได้ตราบเท่าที่ต้องการ หรือหากต้องการย้ายไปยัง ERC-20 ก็สามารถทำได้เช่นกัน
สรุปที่มาของ Funfair Technology ผู้อยู่เบื้องหลังคาสิโนออนไลน์ KingTiger
Funfair Technology ผู้อยู่เบื้องหลังคาสิโนออนไลน์ KingTiger เป็นแพลตฟอร์มเกมที่ใช้เครือข่าย Ethereum เพื่อดำเนินธุรกรรมต่างๆ เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2560 และได้ขยายความนิยมออกไป อีกทั้งเป็น
ผู้อยู่เบื้องหลังโทเค็น FUN ที่คาสิโนออนไลน์ KingTiger ใช้เพื่อดำเนินกิจการอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทางบริษัทแม่อย่าง Funfair Technology ยังไม่มีการออกแถลงการณ์ แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับการปิดบริการชั่วคราวของคาสิโนออนไลน์ KingTiger
สถานการณ์ Ethereum Hard Fork ในปัจจุบันกับแนวทางการแก้ปัญหา
Hard Fork ของลอนดอนนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ มีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาเครือข่าย Ethereum ซึ่งปัญหาก่อนหน้านี้ของเครือข่าย Ethereum นั้นมีเรื่องของมีค่าธรรมเนียมของการทำธุรกรรมที่ไม่แน่นอนตลาดจนขาดความสามารถในการปรับตัว
อีกทั้งปัญหาเรื่องเครือข่ายที่แออัดของ Ethereum นั้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ DeFi และ NFT บนเครือข่าย ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาคือการอัปเกรด ซึ่งให้ความหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความสามารถในการปรับตัวได้ในที่สุด
เกิดเหตุการณ์กลไกที่ลดลงอุปทานของ Ethereum ชั่วคราวโดยอัตโนมัติ เพราะสืบเนื่องมาจากทางฮาร์ดฟอร์คในปัจจุบันมีบล็อกภาวะเงินฝืดเพิ่มเติมอีก 800 บล็อก ซึ่งเป็นผลมาจากการเผา ETH ที่มากเกินไป ซึ่งทะลุเพดานของรางวัลการขุดนั่นเอง โดยแนวทางแก้ปัญหาที่มีการอัปเกรดขึ้น ช่วยให้ราคาของ Ethereum พุ่งสูงถึง $2,000 และยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุระดับ $3,000 แล้ว
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum โดยยังคงสูงอยู่ ซึ่งก่อนการอัปเกรดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอยู่ในอัตราเพียง $4 แต่ปัจจุบันได้เพิ่ม $16 แล้ว อย่างไรก็ตามก็ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่า $33 เมื่อเทียบกับการเรียกเก็บจาก เครือข่ายของทาง Uniswap